หน้าเว็บ

หลวงพ่อโสบิน โสปาโก



พระครูปริยัติภาวนานิเทศก์
อดีตพระธรรมทูตไทยในสหรัฐอเมริกา รุ่นแรก
(โสบิน โสปาโกโพธิ์ ป.ธ.๔)
อดีตเจ้าอาวาสวัดวังปลาโด จังหวัดมหาสารคาม
ผู่ร่วมก่อตั้งสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา

ขอเชิญร่วมจองเป็นเจ้าภาพ
งานพระราชทานเพลิงศพ พระครูปริยัติภาวนานิเทศ วิ. (โสบิน โสปาโกโพธิ)
วัดวังปลาโด  บ้านวังปลาโด ตำบลวังใหม่  อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม
วันที่ ๘ - ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
---
เผยแผ่บนyoutube (คลิ๊ก)
เผยแผ่บนyoutube (คลิ๊ก)

รำลึกถึงหลวงพ่อ (คลิ๊ก) 


ประวัติท่าน


หลวงตาโสบิน โสปาโกโพธิ
 เจ้าอาวาสวัดเมตตาสว่างรังษี (วัดวังปลาโด) ต.วังใหม่ อ.บรบือ จ.มหาสารคาม 
ในอดีตท่านเคยเป็นหัวหน้าคณะสงฆ์ไทยเดินทางไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ในฐานะพระธรรมทูต และได้ริเริ่มสร้างวัดไทยในนครลอสแองเจลิส มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งถือเป็นวัดไทยแห่งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกา และนอกจากนี้ยังเป็นผู้บุกเบิกสร้างวัดพุทธวราราม นครเดนเวอร์ รัฐโคโรราโด และด้วยความสามารถที่มีอยู่มาก ท่านจึงได้รับคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกาเป็นรูปแรกด้วย 

        ตลอด 45 ปีในเพศบรรพชิตที่ท่านได้เอาใจใส่ศึกษาทั้งคันถธุระและวิปัสสนาธุระ จนได้เปรียญธรรม 4 ประโยค พร้อมกับความชำนาญในการฝึกฝนด้านวิปัสสนากรรมฐาน จนกระทั่งได้เป็นพระอาจารย์สอนปริยัติธรรมและวิปัสสนากรรมฐานหลายแห่ง จวบจนกระทั่งได้มีโอกาสไปเผยแผ่ธรรมในฐานะพระธรรมทูต ในสหรัฐอเมริกา และได้เปิดสอนวิปัสสนากรรมฐานให้แก่ชาวตะวันตกเป็นครั้งแรก ณ วัดพุทธวราราม จนประสบความสำเร็จ มีชาวตะวันตกให้ความสนใจมาศึกษาปฏิบัติกันอย่างมากมาย 
        แต่แล้วด้วยเหตุผลในแวดวงสงฆ์ที่ท่านบอกว่า “ไม่อยาก รื้อฟื้น” ก็ทำให้ท่านต้องลาสิกขา ในวัยย่าง 50 ปี มาใช้ชีวิตในเพศฆารวาสที่ต่างแดน ด้วยการไปเป็นอาจารย์สอนวิปัสสนาให้กับลูกศิษย์ลูกหาชาวตะวันตกที่เคารพนับถือท่านมาแต่ครั้งยังเป็นบรรพชิต 
        ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเผยแผ่ธรรมที่มีอยู่เต็มหัวใจ ทำให้ระยะเวลา 20 ปีในเพศฆารวาส ผ่านพ้นไปพร้อมกับการทำงานหนักในการสอนตามสถานที่ต่างๆ ทั้งในอเมริกาและแคนาดา รวมทั้งเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการจัดตั้งศูนย์และสมาคมทางด้านวิปัสสนากรรมฐานอีกหลายแห่งในต่างแดน แต่สุดท้ายท่านก็ได้หวนคืนสู่ร่มกาสาวพัสตร์อีกครั้งหนึ่ง เมื่ออายุย่างเข้า 70 ปี ด้วยเหตุผลว่าอยากโปรดญาติพี่น้องลูกหลาน ญาติโยม ที่จังหวัดมหาสารคาม อันเป็นบ้านเกิด เพื่อให้พระพุทธศาสนาได้เป็นหลักยึดของเด็กๆ ของอนุชนรุ่นหลัง 
          ชาวต่างชาติที่มาฝึกปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่อายุประมาณ 30 ปี ขึ้นไป ส่วนวัยรุ่นก็มีพวกนักศึกษารุ่นใหม่ ศาสนาพุทธกำลังจะบูมในต่างประเทศ อาศัยว่าพวกฝรั่งเขาไปสอนกันเองบ้าง และพยายามจะโปรโมทให้คนรู้จักพุทธศาสนามากขึ้น เขาไปศึกษาพุทธศาสนาจากเมืองไทย ศรีลังกา ประเทศไหนๆ เขาบอกว่ามันมีแต่คอมพิวเตอร์ มีแต่ประเพณี หาแก่นแท้ของศาสนาจริงๆ ยาก เขาสงสัยว่าแก่นแท้จริงๆ อยู่ตรงไหนกันแน่ เขาจึงไม่เชื่อว่าคนไทยหรือชาวพุทธทางเอเชียจะเข้าถึงหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า เขามาเมืองไทยเห็นคนไทยทำบุญให้ทานกัน เขาก็บอกว่ารู้สึกดีใจคนไทยมีบุญแต่ว่าไม่มีวาสนาเลย เขาตอบตรงๆ นะ เขาบอกว่าอุตสาห์เกิดที่เมืองไทยแต่ว่าเอาแต่เรื่องให้ทาน เอาแต่ประเพณี เอาแต่เรื่องเปลือก แต่เขาเกิดเมืองคริสต์กลับได้รับผลประโยชน์จากพุทธมากกว่า โดยเข้าไปสัมผัสสัจธรรมของพระพุทธเจ้า เขาจึงบอกว่าเขาไม่มีบุญ 
           มีทุกศาสนามีทุกรูปแบบ เขามาเพื่อพิสูจน์ว่ามีอะไรบ้าง ที่พอจะไปกันได้ มีอะไรที่เหนือกว่าเขาบ้าง หรือมันมีอะไรที่พิเศษจริงๆ อย่างบางคนเขาก็มาจำนนต่อเหตุผลหลักธรรมของพระพุทธเจ้า ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ตั้งใจจะมาฟัง พอเขามาฟังมาถามปัญหาเขายอมรับแล้วว่าคำสอนนี้สมบูรณ์ด้วยเหตุด้วยผล ถึงจะไม่มีศรัทธามันก็ต้องยอมรับ บางคนถึงกับเปลี่ยนศาสนา บางคนก็ยอมรับว่าเขาไม่นึกว่าเขาจะเป็นพุทธ แต่พอมาฟังคำสอนของพระพุทธเจ้ามันเป็นหลักสัจธรรมมันเป็นความจริง เขาต้องยอม เขาเป็นคริสต์มานานตั้งแต่บรรพบุรุษก็ได้แต่เชื่อพระเจ้าทั้งนั้น แล้วพระเจ้าอยู่ไหนจริงๆ หรือว่าช่วยชีวิตของเขาได้จริงไหมเขายังไม่รู้ แต่คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นจริงเป็นสัจจะที่ว่ามันเป็นเรื่องที่เราสร้างขึ้นเอง ไม่ใช่ว่าพระเจ้าที่ไหนจะมาสร้างโลก และแม้แต่พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้สอนให้เชื่อท่าน 
          จริงๆ แล้วฝรั่งทุกข์มากกว่าคนไทยอีก เพราะชีวิตต้องวิ่งตามเข็มนาฬิกา ทุกอย่างต้องทันเวลาอยู่ตลอด ทำให้ชีวิตเขาไม่มีเวลารีแล็กซ์ เพราะชีวิตมันต้องดิ้นรนถึงทำให้ชีวิตและประเทศชาติเจริญ ทำให้ทุกคนไม่นอนหลับทับสิทธิ์จะไม่มีนิ่งนอนใจ เมื่อเป็นเช่นนี้ทำให้ชีวิตมีความทุกข์ เพราะว่าหาเวลาเป็นตัวของตัวเองไม่ได้ เพราะฉะนั้นพวกรีไทร์เขาต้องไปท่องเที่ยวใช้ชีวิตบั้นปลาย เนื่องจากช่วงหนุ่มๆ จะไม่มีเวลา เขาจึงอยากมีโอกาสที่จะสงบมีโอกาสพักผ่อนบ้าง เรื่องมรรคผลอย่าไปพูด เพราะเขาไม่เชื่อว่าอนาคตข้างหน้ามันมีหรือไม่มีไม่รู้ ขอให้ปัจจุบันนี้ฉันรับประโยชน์จากการปฏิบัติให้เกิดความรู้ให้มีความสงบ 
ฝรั่งสอนง่ายกว่าคนไทย เพราะเขาไม่มีแบคกราวด์เกี่ยวกับอุปาทานอะไรมากในเรื่องปฏิบัติ คนไทยเรารู้มากเลยสอนยาก และคิดว่าฝรั่งจะกลับมาสอนศาสนาพุทธในเมืองไทยในอนาคตข้างหน้า ฉันเชื่ออย่างนั้น 
          คำถามที่ฝรั่งมักจะถามบ่อยที่สุดเวลาที่พระอาจารย์ไปสอน คงเป็นว่าศาสนาพุทธสอนเกี่ยวกับเรื่องอะไร และจะปฏิบัติอย่างไรให้เข้าใจเรื่องกรรม หรือกรรมเท่านั้นที่จะเป็นผู้บันดาลอะไรต่ออะไร ก็เป็นเรื่องทำนองนี้ อันนี้ยากหน่อยต่อการตอบ เราก็ต้องให้เขามาปฏิบัติก่อน ให้เขาค่อยๆ เข้าใจว่าศาสนาเราสอนละเอียด พูดง่ายๆ ปฏิบัติเพื่อให้กรรมที่ทำไว้นั้นให้ผลอย่างใดอะไร ก็ต้องใช้เวลาอธิบาย แต่ส่วนมากเขาจำนนต่อความเป็นจริงมากกว่า 
         วิธีสอนหรืออธิบายเรื่องกรรมให้พวกเขาเข้าใจได้ง่ายๆ ไม่ต้องไปอ้างพระพุทธเจ้า ไม่ต้องไปอ้างพระเจ้า มีในศาสนา แต่บอกว่ายูเท่านั้นเป็นคนสร้างนรก สวรรค์ สร้างนิพพาน ให้ยูเอง คือถ้ายูไม่ต้องการสร้างความทุกข์ในชีวิต ก็ต้องปฏิบัติตัวยูเอง อย่าเกิดมาซะซิ ทำอย่างไรถึงจะไม่เกิดอีก เพราะเมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว ยูจะกลัวตายยังไงก็หนีตายไม่พ้น เบื้องต้นเราไม่แตะเรื่องศาสนาและเราก็ไม่พยายามเอาเรื่องพระพุทธเจ้าไปยุ่ง พยายามเน้นให้เขายอมรับ ยกตัวอย่างว่าเราต้องการพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับอะไรถ้าเกี่ยวกับรูปเกี่ยวกับวัตถุ มันมีที่ไหนที่จะสิ้นสุด ถ้าเราจะมาพิจารณาในเรื่องสังขารร่างกายมันมีอันเป็นไปเปลี่ยนแปลงไป แล้วมันจะได้อะไรจากการพิจารณาเหล่านี้ ถ้าเราจะมาพิสูจน์เรื่องจิต ใจมันก็ไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ แม้แต่หลักวิทยาศาสตร์ก็พิสูจน์ได้แต่รูป 
         แต่หลักของการปฏิบัติธรรม เราบอกว่าให้รับรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันจะมีปัจจัยสืบเนื่องกันให้มันเป็นวัฏจักรให้มันเป็นวงจรของชีวิตของสรรพสิ่งในโลกนี้ ไม่ว่าทางรูปธรรมมันก็ต้องอิงอาศัยซึ่งกันและกัน อย่างในธาตุ 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ มันจะเป็นมิตรกันอยู่ ธาตุดินกับธาตุน้ำมันอาศัยกัน ถ้าไม่มีน้ำดินก็อยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีดินน้ำก็อยู่ไม่ได้ ไฟกับลมก็คู่กัน แต่ในธาตุทั้ง 4 เหล่านี้มันจะเบียดเบียนกันอยู่ในตัว ธาตุไฟเป็นศัตรูกับธาตุน้ำ ธาตุลมเป็นศัตรูกับธาตุดิน เป็นวิทยาศาสตร์ที่เขาเข้าใจได้ เราก็อธิบายให้เขาเข้าใจ เขาเรียกว่าเหตุปัจจัย เพราะมันมีนี้มันถึงมีนั้นเพราะอันนั้นเกิดเพราะอันนี้ 
           ตอนนี้ท่านกำลังจะสร้างเจดีย์พุทธคยาจำลอง และพระพุทธรูปหยกขาว ที่วัดวังปลาโด จะสร้างไว้ให้เป็นประวัติศาสตร์ให้เป็นอนุสรณ์ ภายในเจดีย์จะแบ่งเป็นห้องปฏิบัติกรรมฐาน ห้องสำหรับผู้ที่จะอยู่ปฏิบัตินานๆได้ ห้องบรรยายธรรม และห้องที่ประดิษฐานพระพุทธเมตตาที่ทำจากหยกขาวที่ว่านี่แหละ เท่ากับว่าสร้างเจดีย์บนตึกให้มันได้ประโยชน์ เจดีย์เป็นเพียงวัตถุที่จะให้ลูกหลานเหลนได้กราบได้ไหว้ ได้ใช้ประโยชน์เท่านั้น แต่ในใจจริงๆ ที่ท่านกลับเข้ามาบวชครั้งนี้คิดว่าเพื่อเตรียมตัวตายอย่างเดียว ไม่เอาอะไรแล้ว ผ่านมาหมดแล้ว สร้างวัดมาหลายวัดแล้ว สอนคนมาตั้ง 40 กว่าปีแล้ว ทุกอย่างมันก็ควรจะพอ อายุป่านนี้แล้ว คิดว่าพอทีสำหรับประโยชน์ส่วนรวม เอาประโยชน์ส่วนตนบ้าง 
           ประโยชน์ส่วนตนในที่นี้ก็คือในเมื่อเราเป็นครูเขาเราก็ได้แต่เป็นผู้แนะเป็นผู้สอน แต่ก็ปฏิบัติเหมือนกัน แต่ยังไม่ได้ปฏิบัติจนถึงกับว่าสอนให้เขาทำ เป็นผู้นำทำให้เขาดู เพราะฉะนั้นเลยอยากจะนั่งกรรมฐานจนตายให้คนดูในความหมายจริงๆ นะ คือพอเสร็จเจดีย์นี้จะสร้างวิหารหลังหนึ่ง ตั้งใจไว้อย่างนั้น จะนั่งอยู่ตรงนั้นเป็นหรือตายก็อยู่ตรงนั้น นี่คือความรู้สึกส่วนลึก แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงแล้วแต่เหตุปัจจัยแล้วแต่บุญบารมี แต่ว่าวางแผนไว้อย่างนั้น 
           แม้จะลงหลักปักฐานที่วัดวังปลาโดแล้ว แต่ทุกวันนี้หลวงตาโสบินยังคงต้องเดินทางไปเยี่ยมเยือนศูนย์ปฏิบัติธรรมในอเมริกาที่ท่านได้ริเริ่มก่อตั้งไว้ว่าเจริญงอกงามไปเพียงใด ส่วน เจดีย์พุทธคยาจำลอง ก็กำลังเดินหน้าก่อสร้างไปเรื่อยๆ พุทธศาสนิกชนท่านใดที่ประสงค์อยากจะร่วมบุญกับหลวงตา ก็ติดต่อไปได้ที่ โทร. 043-727-182 และ 08-1975-7439


.....................................................................

กลับไปหน้ารวมพระมรณภาพทั้งหมด
คลิ๊ก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น