หน้าเว็บ

หลวงเตี่ย


หลวงเตี่ย-วัดโพธิ์มรณภาพโดนหลายโรครุมเร้า 
"ในหลวง" พระราชทานน้ำหลวงสรงศพ พระธรรมราชานุวัตร หรือ "หลวงเตี่ย" เจ้าคณะภาค3 รองเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หลังมรณภาพเมื่อเวลา 16.04 น. วันที่ 2 ก.ย. ก่อนเตรียมเดินทางไปสอนหนังสือ แต่เกิดหน้ามืด ลูกศิษย์ต้องช่วยกันนำส่ง รพ.เจ้าพระยา แต่เกรงอาการน่าเป็นห่วง จึงย้ายมา รพ.ศิริราช จนกระทั่ง ละสังขาร หมอลงความเห็นป่วยเป็นโรคติดเชื้อในกระแสโลหิต มีโรคแทรกซ้อน แถมกล้ามเนื้อหัวใจยังขาดเลือด 
ที่ห้องไอซีซียู หออภิบาลหัวใจ ตึกอัษฎางค์ โรงพยาบาลศิริราช เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 2 ก.ย. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปสังเกตการณ์หลังจากทราบว่า พระธรรมราชานุวัตร เจ้าคณะภาค 3 รอง เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ได้ละสังขารแล้วตั้งแต่เมื่อเวลา 16.04 น. วันเดียวกัน ซึ่งสร้างความโศกเศร้าเสียใจให้กับศิษยานุศิษย์ทั้งหลายเป็นอย่างมาก โดยบรรยากาศหน้า ห้องไอซียู มีลูกศิษย์ประมาณกว่า 100 คน มากราบไหว้พร้อมกับรอดูร่างพระธรรมราชานุวัตร ซึ่งคณะแพทย์หลวงได้เคลื่อนย้ายร่างไปฉีดฟอร์มาลินที่ตึกพยาธิ โดยจะเก็บไว้ 1 คืน จนเวลา 08.00 น. วันที่ 3 ก.ย. จะเคลื่อนย้ายไปไว้ที่ศาลาพระอุบาลีคุโณปมาจารย์ วัดพระเชตุพนฯ เพื่อประกอบพิธีสรงน้ำ และประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป โดยในเวลา 09.00 น. วันที่ 3 ก.ย. จะเปิดให้ศิษยานุศิษย์ และคณะสงฆ์ ให้ร่วมสรงน้ำถึงเวลา 16.30 น. จากนั้นสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จฯ ในเวลา 17.30 น. วันที่ 3 ก.ย. เพื่อวางพวงมาลา และพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ สำหรับพระธรรมราชานุวัตร มีอายุรวม 78 ปี 58 พรรษา 
ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากพระสมุหวรคณิสสรสิทธการ รองเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนฯ เลขานุการเจ้าคณะภาค 3 เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 28 ส.ค. ได้มีญาติโยมนำอาหารมา ถวายหลังจากฉันเพลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว "หลวง เตี่ย" ได้พูดคุยกับญาติโยม พร้อมกับลุกขึ้นเตรียมตัวเดินทางไปสอนหนังสือที่มหาจุฬาลงกรณราช วิทยาลัย อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี ระหว่างนั้นเกิดหน้ามืด เลยบอกกับญาติโยมไปว่า มีอาการหน้ามืด ทางญาติธรรมจึงขอร้องให้ไปหาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ "หลวงเตี่ย" เลยให้ไปส่ง รพ.เจ้าพระยา และเมื่อแพทย์ตรวจอาการก็พบว่า เป็นความดันโลหิตสูงมากจนอาจเป็นอันตราย คณะแพทย์ผู้ตรวจจึงไม่อนุญาตให้เดินทางต่อขอให้พักรักษา ก่อนเป็นเวลา 3 วัน อาการก็เป็นปกติ แต่เมื่อวันที่ 31 ส.ค. อาการกลับทรุดหนัก 
จนเมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 1 ก.ย. ลูกศิษย์ที่นอนเฝ้าอยู่เห็นอาการผิดปกติเพราะพบ ว่าใบหน้าของ "หลวงเตี่ย" ซีด ลิ้นจุกปาก เล็บมือ เล็บเท้าซีด เลยเรียกแพทย์ให้เข้ามาดูอาการ ปรากฏ ว่าหัวใจหยุดเต้น เมื่อแพทย์ปั๊มหัวใจ อาการของ "หลวงเตี่ย" กลับมาดีขึ้นอีกครั้ง แพทย์เลยย้ายเข้ามาไว้ที่ห้องไอซียู และอาการก็ดีขึ้นตามลำดับ นิ้วเท้ากระดิกได้ แต่อาการยังไม่น่าไว้วางใจ ในช่วงบ่ายของวันที่ 1 ก.ย. ได้ย้ายมาที่ รพ.ศิริราช จนกระทั่ง "หลวงเตี่ย" ละสังขารเมื่อเวลา 16.04 น. วันที่ 2 ก.ย. ซึ่งคณะแพทย์ได้ลงความเห็นว่า เสียชีวิตด้วยโรคติดเชื้อในกระแสโลหิต และโรคแทรกซ้อน รวมทั้งกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด 
เลขานุการเจ้าคณะภาค 3 ยังเปิดเผยอีกว่า ก่อนหน้านี้เมื่อเช้าวันที่ 31 ส.ค. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงทราบอาการของ "หลวงเตี่ย" จึงมีพระมหากรุณาธิคุณรับ "หลวงเตี่ย" ไว้เป็นคนไข้ในพระราชานุเคราะห์ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แพทย์ติดตามอาการ เพื่อกราบบังคมทูลให้ทราบเป็นระยะ พร้อมกับโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายมาทำการบำบัดรักษาที่ รพ.ศิริราช จนกระทั่ง "หลวงเตี่ย" ละสังขาร 


ด้านเจ้าหน้าที่หัวหน้างานหมายรับสั่ง กอง พระราชพิธี สำนักพระราชวัง เปิดเผยระหว่างมาตรวจดูความเรียบร้อยในการเตรียมพระราชพิธีที่วัดว่า เกียรติยศที่ "หลวงเตี่ย" ได้รับพระราชทาน จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ ได้รับพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ โกศโถถักเบญจาตั้งประดับเกียรติยศ ปี่กลองชนะประโคมเวลาพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ และพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม 3 คืน ส่วนบรรยากาศภายในวัดพระเชตุพนฯ ปรากฏว่ามีโทรศัพท์เข้ามาสอบถามเรื่องราวที่กุฏิ "หลวงเตี่ย" กันแทบไม่ขาดสาย พร้อมกับมีบรรดาศิษยานุศิษย์จำนวนมากต่างเดินทางมาช่วยจัดเตรียมสถานที่เพื่อใช้เป็นที่ตั้งพระราชพิธี 
สำหรับพระธรรมราชานุวัตร มีนามเดิมชื่อ "กมล ลิ้มสิริชัย" เกิดเมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2467 ที่หมู่ 17 ต.บางแขม อ.เมือง จ.นครปฐม หลังจากอุปสมบทได้ศึกษาในพุทธศาสนาเรื่อยมา ก่อนจะมีหน้าที่รับผิดชอบในงานปกครองคณะสงฆ์ ซึ่งเริ่มด้วยการเป็นเลขานุการสังฆมนตรีว่าการองค์การปกครอง จากนั้นขยับเรื่อยมาเป็นสังฆมนตรีว่าการองค์การเผยแผ่ เป็นรองเจ้าคณะภาค 14 เจ้าคณะภาค 14 จากนั้นเมื่อปี พ.ศ. 2533 ได้รับสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมราชานุวัตร จนถึงปัจจุบัน 
ส่วนทางด้านการจัดการศึกษา "หลวงเตี่ย" ถือเป็นผู้เผยแผ่งานพุทธศาสนาตั้งแต่เริ่มห่มผ้าเหลือง และเป็นมาตลอดจนกระทั่งละสังขาร นอกจากนี้ยังเป็นผู้ริเริ่มตั้งโรงเรียนสหศึกษาบาลี ขึ้น ณ วัดพระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม โดยจัดตั้งเป็นลักษณะโรงเรียนประจำจังหวัด รวมทั้งยังมีงานพุทธศาสนาในต่างประเทศ เช่น ศรีลังกา ลาว พม่า อินเดีย และเป็นหัวหน้าสงฆ์ วัดไทยลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกาอีกด้วย 
ที่มา : 
  • http://www.dailynews.co.th วันอังคารที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2545 
  • http://www.tourtham.com/to/hlaungtia/
  • http://www.susarn.com/susarnth/list%20of%20name/St/St.asp?nameid=55
  • http://www.toursong.com/thamma/hlaungtia/index1.htm
  • http://www.tourtham.com/to/hlaungtia/a2.htm




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น